ยุคนี้ไม่ว่าอะไร ก็แพง ยิ่งเป็นช่วงเงินเฟ้อด้วยแล้ว หลายๆ คนจึงต้องมานั่งคิดหาทางลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย และเอาชนะเงินเฟ้อและสร้างความมั่นคงให้ตัวเองได้ ซึ่งในบทความนี้ จะมาแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดในยุคนี้
ลงทุนในความรู้
ถ้าคุณยังไม่รู้ว่า จะลงทุนอะไรดี 2566 สิ่งที่คุณควรทำคือซื้อหนังสือมาอ่านเพื่อหาความรู้ใส่ตัวก่อน ก่อนที่จะเริ่มลงทุนอะไรสักอย่าง จำเป็นจะต้องศึกษาหาความรู้ให้แน่นก่อน เพื่อป้องกันการโดนหลอก หรือเสี่ยงเจ๊งนั่นเอง หนังสือที่แนะนำจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเงิน เช่น พ่อรวยสอนลูก, ตีแตก, หุ้นห่านทองคำ, จิตวิทยาว่าด้วยเงิน เป็นต้น
ลองทุนกองทุนรวม
กองทุนรวม (Mutual Fund) คือ การรวบรวมเงินของนักลงทุน นำมาลงทุนตามนโยบายที่กองทุนรวมนั้นๆ กำหนดไว้ โดยมี “ผู้จัดการกองทุน” ที่เป็นมืออาชีพช่วยบริหารจัดการเงินของกองทุน กองทุนรวมมีจุดเด่นตรงที่มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ แถมยังมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งกองที่ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ
ดังนั้น แต่ละกองจึงมีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันตามประเภทสินทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน นักลงทุนสามารถเลือกกองทุนให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งจะมีการทำแบบทดสอบวัดระดับความเสี่ยงเมื่อเปิดบัญชีเริ่มซื้อขายกองทุน
ลงทุนออมทอง
การออมทอง คือ การซื้อทองคำในอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการทยอยสะสมทองคำด้วยเงินทุนก้อนน้อย ๆ เพียงหลักร้อยก็สามารถเป็นเจ้าของทองคำได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาซื้อทองอีกต่อไป
ซึ่งการออมทองเช่นนี้ ถือเป็นวิธีเก็บเงินหรือการออมเงินอีกวิธีหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการออมเงินระยะยาวเพื่ออนาคตได้อีกด้วย แม้จะใช้เงินซื้อมาก็จริงแต่ ‘สิ่งนั้น’ มันจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของทองคำออนไลน์ ซึ่งทองออนไลน์ที่ว่านี้สามารถถอนทองคำออกมาจากระบบ ลูกค้าสามารถถือทองคำแท่งได้จริง เพียงสะสมยอดการออมให้ครบตามเงื่อนไขของบริษัท
ทองคำ ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่าในตัวเอง การออมทองเก็บไว้สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงทางการเงินได้
ลงทุนซื้อประกัน
อีกหนึ่งการลงทุนที่ควรทำเมื่อมีเงินหลักหมื่นก็คือการซื้อประกัน เพราะการซื้อประกันถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นการลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น ๆ แต่เป็นการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันออมทรัพย์ หรือประกันสุขภาพ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมา ประกันจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ มีผู้คนมากมายที่ไม่ได้ทำประกันแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ประสบอุบัติเหตุ หรือเป็นโรคร้ายแรง เงินที่สะสมมาอาจจะหายไปหมดเลยก็ได้
ลงทุนหุ้น
หุ้นเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก ด้วยอัตราผลตอบแทนทบต้นที่ประมาณ 8%-12% ต่อปี ตามคำนิยามแล้ว หุ้น หรือ ตราสารทุน คือ ตราสารที่ธุรกิจ หรือ อุตสาหกรรมต่าง ๆ ออกเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ โดยผู้ถือตราสารทุน หรือผู้ถือหุ้น (Holder) จะมีฐานะเป็นเจ้าของกิจการร่วม ซึ่งจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทน ทั้งจากการซื้อขายตราสารทุน สิทธิในการจองซื้อหุ้น หรือบางธุรกิจอาจมีนโยบายจัดสรรเงินปันผลให้กับนักลงทุนด้วยเช่นกัน
แต่หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น “หุ้น” จะเป็นตัวบอกสัดส่วนความเป็นเจ้าของในธุรกิจที่เราลงทุน ซึ่งจะมีความหมายคล้ายกับการร่วมหุ้นกับเพื่อน หรือ หุ้นส่วน เพื่อลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งกำไรจากธุรกิจจะจัดสรรปันส่วนไปตามจำนวนหุ้นที่ถือนั่นเอง
ประเภทของหุ้น
แม้จะมีการแบ่งประเภทหุ้นตามผลตอบแทน ตลาดการลงทุน ไปจนถึงประเภทของธุรกิจ แต่โดยภาพรวมแล้ว หุ้นจะมีด้วยกัน 2 ประเภทหลัก คือ
1. หุ้นสามัญ (Common Stock) เป็นหุ้นที่นักลงทุนมีสิทธิร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ และมีสิทธิออกเสียงในการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในแง่มุมต่าง ๆ
2. หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) เป็นหุ้นที่นักลงทุนจะไม่มีสิทธิออกเสียงใด ๆ ในธุรกิจ แต่จะได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่ ทั้งยังได้รับเงินทุนคืนก่อนผู้ลงทุนในหุ้นสามัญ หากเกิดเหตุที่ธุรกิจต้องเลิกกิจการ หรือ ขายสินทรัพย์เพื่อชำระบัญชี
ลงทุนคริปโต
คริปโตเคอร์เรนซี เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีหลากหลายฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ทำให้เป็นอีกทางเลือกในการลงทุน ที่มีการเติบโตสูงมากในปีที่ผ่าน ๆ มา และนับได้ว่าเป็นกระแสที่ทำให้หลายคนพากันมาลงทุน แต่คริปโตฯเป็นเหมือนดาบสองคม ที่สามารถทำผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนได้มากมายและรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงในระดับสูง ผู้ลงทุนทุกท่านจึงควรศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตัวเองก่อนเริ่มก้าวเข้าไปในโลกคริปโตฯ และลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสมเท่านั้น
ลงทุนฟอเร็กซ์
โดยทั่วไปการเข้าไปเทรดโดยตรงในตลาด FX จะเป็นการเข้าไป “เก็งกำไร” มากกว่าการแลกเงินเพื่อจุดประสงค์อื่น ๆ ซึ่งจะลงทุนผ่านสัญญาอนุพันธ์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งจะมีลักษณะของสัญญาที่หลากหลาย ที่ช่วยทำให้เราเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง มีการใช้อัตราทด (Leverage ) ที่หลากหลายได้ ช่วยทำให้ใช้เงินลงทุนที่น้อยและหวังผลกำไรที่มาก ซึ่งแน่นอนว่าเวลาขาดทุนก็จะทำให้เราขาดทุนเป็นจำนวนมากได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามการเทรด FX ในไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ ทำให้ยังไม่มีผู้ให้บริการเทรด FX สัญชาติไทย สำหรับนักลงทุนที่อยากเทรด FX ต้องไปเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ต่างประเทศที่อยู่นอกเหนือความคุ้มครองของกฎหมายไทย
ลงทุนปลอดภัยไปกับ TrustFinance
ณ ปัจจุบันมีการลงทุนในรูปแบบต่างๆเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น กองทุนรวม ออมทอง ประกัน หุ้น คริปโต และฟอเร็กซ์ ยิ่งเป็นการเลือกลงทุนเทรดในรูปแบบต่างๆ การเลือกโบรกเกอร์นั้นสำคัญอย่างยิ่ง จึงจำเป็นต้องทำการตรวจเช็คให้ดีเสียก่อนทำการลงทุน ซึ่ง TrustFinance ช่วยคุณได้
TrustFinance คืออะไร ?
TrustFinance คือแพลตฟอร์มให้ข้อมูลของบริษัทและผู้ให้บริการในโลกการเงินการลงทุนเพื่อให้เห็นถึงข้อมูลต่าง ๆ และความน่าเชื่อถือ ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้งานได้เข้ามาศึกษาข้อมูลและรีวิวอย่างตรงไปตรงมา ก่อตั้งเมื่อปี 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์
TrustFinance มีรีวิวอะไร ?
TrustFinance เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือผู้ให้บริการอย่างครบถ้วนในโลกการเงิน ไม่ว่าจะเป็น
-ธนาคาร
-ผู้ให้บริการด้านการเงิน
-โบรกเกอร์ Forex
-Crypto Exchange
-โบรกเกอร์หุ้นต่างประเทศ
และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ดังนั้นไม่ต้องกลัวเลยว่าจะมีแค่ข้อมูลบริษัทต่างประเทศเท่านั้น เพราะมีข้อมูลผู้ให้บริการในประเทศไทยด้วย
สรุป
การลงทุนมาพร้อมกับความเสี่ยงและโอกาสที่หลากหลาย โดยการลงทุนในความรู้, กองทุน, ทอง, ประกัน, หุ้น, คริปโต,ฟอเร็กซ์
และ TrustFinance เป็นทางเลือกที่ช่วยในการตัดสินใจก่อนการลงทุน ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกลงทุนในรูปแบบใด อย่าลืมเข้าไปเช็ครีวิวกันได้ที่ TrustFinance เพียงเท่านี้คุณเองก็จะทำการลงทุนได้อย่างปลอดภัยแน่นอน เช็ครีวิวกันได้เลยที่ https://www.trustfinance.com/